Internet App: #10 Payment Gateway Integration

Payment Gateway คืออะไร

ปัจจุบันการค้าขายออนไลน์ หรือ E-commerce กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย ปัจจัยที่ทำให้อัตราเร่ง ของการค้าขายออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วปัจจัย หนึ่งคือ ระบบชำระเงินออนไลน์ ซึ่งหากผู้ซื้อสามารถชำระเงินได้ง่าย และทำได้ทันทีจะช่วยทำให้การค้าบนโลก ออนไลน์ สามารถเพิ่มยอดขายให้กับผู้ขายได้อย่างมาก

Payment Gateway หรือ ระบบชำระเงิน คือ บริการที่ให้ Website สามารถรับชำระค่าบริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านบัตรเครดิตได้ แต่เดิมแล้วบริการ Payment Gateway จะให้บริการผ่านทางธนาคารต่างๆ แต่เนื่องจากความยุ่งยากในการเดินเรื่องเอกสารกับทางธนาคาร ไม่ว่าจะการทำรอบบัญชี การวางวงเงินประกัน การต้องเป็นบริษัท จดทะเบียนต่าง ๆ ทำให้การเปิด Payment Gateway กับธนาคารมักจะเป็นที่ยุ่งยากสำหรับ Website ขนาดเล็กๆ

จากปัญหาดังกล่าวจึงมีการเปิด Payment Gateway แทนธนาคาร พูดง่ายๆคือเป็นคนกลางให้เรา แทนที่จะไปติดต่อกับทางธนาคาร ก็ให้ติดต่อผ่าน Payment Gateway แทน สิ่งที่เราจะได้รับก็คือ ความสะดวก รวดเร็ว แต่จะมีการหักค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าของธนาคารเล็กน้อย

Payment Gateway บน E-commerce

เมื่อลูกค้าเข้าไปดูเว็บไซต์ของร้านค้าอีคอมเมิร์ซ แล้วเกิดการสั่งซื้อสินค้าขึ้น ก็จะต้องมีการชำระเงิน ซึ่งในที่นี้เราจะพูดถึงเงินอิเล็กทรอนิกส์ อาจเป็นบัตรเครดิตหรืออื่นๆ ตามที่เว็บไซต์นั้นให้บริการ เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ร้านค้าก็จะจัดส่งของนั้นให้ลูกค้า เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการ

จะเห็นได้ว่ากระบวนการทำธุรกรรมนี้ ประกอบไปด้วย

ลูกค้า
ร้านค้าอีคอมเมิร์ซ
ระบบชำระเงิน และแน่นอนว่ากระบวนการนี้ต้องมีธนาคารมาเกี่ยวข้องด้วย
การส่งสินค้า

องค์ประกอบต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนี้ อาจถือได้ว่าระบบชำระเงินเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นตัวกลางในการติดต่อระหว่างหลายฝ่าย ทั้งร้านค้าและธนาคาร อีกทั้งยังเป็นส่วนที่ส่งผ่านข้อมูลสำคัญอีกด้วย ดังนั้นหากไม่มีระบบชำระเงินแล้ว เว็บไซต์นั้นก็คงจะเป็นแค่เว็บไซต์แสดงสินค้าธรรมดาๆ

Payment Gateway หรือก็คือระบบชำระเงินนั้นมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบแมนวล คือส่งอีเมล์หรือแฟกซ์หมายเลขบัตรเครดิตพร้อมทั้งวันหมดอายุมาให้ร้านค้าอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ร้านค้าอีคอมเมิร์ซนั้นแฟกซ์ต่อให้ธนาคารทำการอนุมัติวงเงินและตัดเงินต่อไป จนกระทั่งถึงแบบสมบูรณ์ที่เพียงลูกค้ากรอกรายละเอียดบัตรเครดิตและคลิ้กจ่ายเงิน รายละเอียดเหล่านี้ก็จะถูกระบบนำไปจัดการตัดเงินโอนเงินให้โดยอัตโนมัติ

ในที่นี้เราจะพูดถึง Payment Gateway แบบสมบูรณ์ ที่อีบิซิเนสทั้งหลายในอนาคตจะมุ่งไปใช้ เนื่องมาจาก Payment Gateway แบบสมบูรณ์นี้มีข้อดีหลายข้อ ทั้งความสะดวกของเจ้าของเจ้าของร้านค้าที่ไม่ต้องนำข้อมูลบัตรเครดิตไปขออนุมัติวงเงินเอง ซึ่งอาจส่งผลให้การบริการเป็นไปอย่างล่าช้า หรือลูกค้าไม่สามารถรับสินค้าได้ในทันที เพราะต้องรอเจ้าของบัตรเครดิตหรือธนาคารอนุมัติวงเงินมาให้ก่อน และที่สำคัญคือข้อมูลบัตรเครดิตมีโอกาสรั่วไหลได้น้อย ลูกค้ามั่นใจได้มากกว่าว่าข้อมูลบัตรเครดิตของตนจะปลอดภัย

หน้าที่ของ Payment Gateway

เมื่อลูกค้าเลือกสินค้า ต่อรองราคา กรอกรายละเอียดเพื่อจะทำการชำระเงิน (หมายเลขบัตรเครดิต วันหมดอายุบัตร และอื่นๆ) นั้น กระบวนการทั้งหลายจะอยู่ที่ร้านค้า แต่เมื่อลูกค้าคลิ้กปุ่มซับมิตหลังจากกรอกรายละเอียดเพื่อจะจ่ายเงินเสร็จ เมื่อนั้นแหละที่จะเริ่มติดต่อกับ Payment Gateway โดยข้อมูล Transaction ต่างๆ เหล่านี้ก็จะวิ่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของร้านค้าอีคอมเมิร์ซและวิ่งต่อไปยัง Payment Gateway ซึ่ง Gateway ก็จะทำการตรวจสอบว่า Transaction นี้ถูกต้องหรือไม่ ร้านค้านี้มีตัวตนและเป็นสมาชิกของ Gateway และธนาคารจริงหรือเปล่าก่อนส่งต่อข้อมูลนี้ไปยังธนาคาร ธนาคารก็ไปผ่านกระบวนการเช็กยอดบัตรเครดิตกับฐานข้อมูลของธนาคารเองหรือหากเป็นบัตรของธนาคารต่างประเทศเช่นวีซ่าหรือมาสเตอร์ ก็จะส่งไปที่เน็ตเวิร์กของวีซ่าและมาสเตอร์ แล้วส่งคำตอบกลับมา ธนาคารก็จะส่งคำตอบไปที่ Payment Gateway และ Gateway ก็จะส่งคำตอบกลับไปที่ร้านค้าอีกทีหนึ่ง เพื่อร้านค้าจะได้รับทราบและจัดการส่งของให้ลูกค้าต่อไป

ส่วนขั้นตอนการโอนเงินนั้น ธนาคารจะรอ Settlement จากร้านค้าเพื่อให้โอนเงินเข้าบัญชีหรือ จะเป็นการ Auto Settlement ขณะนั้นเลย ก็ขึ้นกับ Policy ที่ธนาคารจะตกลงกับร้านค้า

การทำงานของ Payment Gateway

ดังนั้นนอกจะจัดการเรื่องการชำระเงินแล้ว Payment Gateway ยังต้องทำหน้าที่อีก 2 อย่างคือ

1. Authentication คือ ตรวจสอบว่า ร้านค้านั้นมีตัวตนจริงหรือไม่ Transaction ที่ส่งมา มาจากร้านจริงหรือเปล่า

2. Integrity คือ ตรวจสอบว่าข้อมูลที่สื่อสารกันมีความถูกต้องหรือไม่ มีใครไปเปลี่ยนข้อมูลระหว่างวิ่งอยู่บนอินเทอร์เน็ตหรือเปล่า

ตัวอย่างผู้ให้บริการ Payment Gateway